วิชาภาษาอังกฤษ อ22101 ม.2 ภาคเรียนที่ 1
เกี่ยวกับบทเรียน

หลักการใช้ Verb to be

1. Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาหลัก (Main Verbs)
Verb to be ที่ทำเป็นกริยาหลักจะทำหน้าที่เชื่อมคำหรือกลุ่มคำที่เป็นประธานที่อยู่หน้าข้างหน้าเข้ากับคำหรือกลุ่มคำที่อยู่ด้านหลัง โดยให้ความหมายว่า เป็น, อยู่, คือ  เช่น
     I am Sarah. (ฉันคือซาร่า)
     My mom is a teacher. (แม่ของฉันเป็นครู)
     She is very beautiful. (เธอสวยมาก ๆ)  

2. Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วย (Auxiliary Verbs)

Verb to be ทำหน้าที่เป็นกริยาช่วยเพื่อช่วยให้ประโยคสมบูรณ์ขึ้น ในกรณีต่าง ๆ ดังนี้

     2.1. ใช้เป็นกริยาช่วยในประโยค Continuous tense เพื่อแสดงว่า “กำลังทำ…” เช่น

          Nid is eating a sandwich. (นิดกำลังกินแซนด์วิช)
          eating เป็นกริยาหลัก, is เป็นกริยาช่วย

          Jack and I are watching a movie. (ฉันกับแจ็คกำลังดูหนัง)
          watching เป็นกริยาหลัก, are เป็นกริยาช่วย

     2.2. ใช้ในโครงสร้างประโยค Passive Voice (ประโยคถูกกระทำ) โครงสร้าง S + Verb to be + V.3 เช่น

          A house is built by father. (บ้านถูกสร้างโดยพ่อ)

     2.3. ใช้ Verb to be วางหน้าคำกริยา infinitive with to จะให้ความหมายว่า “จะ, จะต้อง”  เช่น

          You’re to get better marks next time. (ในครั้งหน้าคุณจะต้องได้คะแนนที่ดีกว่า)
          I’m to work in Tokyo next year. (ฉันจะไปทำงานที่โตเกียวปีหน้า)

การทำ Verb to be เป็นรูปปฏิเสธ

การทำ Verb to be เป็นรูปปฏิเสธ ทำได้โดย เติม not หลัง is, am, are, was were ดังนี้ am not / is not = isn’t / are not = aren’t / was not = wasn’t  / were not = weren’t เช่น
     I am not a student. (ฉันไม่ใช่นักเรียน)    

การทำ Verb to be เป็นประโยคคำถาม

การทำ Verb to be เป็นประโยคคำถาม ซึ่งเป็นประโยคคำถามแบบ Yes-No Question ทำได้โดยนำ Verb to be มาไว้หน้าประโยค เช่น

     Q: Is this your coat? (นี่คือเสื้อโค้ตของคุณใช่ไหม?)
     A: Yes, it is? หรือ No, it isn’t.

อ้างอิง https://www.trueplookpanya.com/blog/content/62776/-laneng-lan-

………………………………………………………………………………………………………………..

คลิปที่ 2 คลิกที่นี่   https://youtu.be/OmoCrqC4yd0

  • หลักการใช้ Verb to have คือ ประธานเอกพจน์ ใช้ has ประธานพหูพจน์ใช้ have
He, She, It, A cat
has
I, You, We, They, Cats
have

has/have  แปลว่า  มี, กิน, ดื่ม  (ประธาน+ have, has + นาม) ตัวอย่างเช่น

have a dog. ผมมีสุนัขตัวหนึ่ง
He has a black car. เขามีรถยนต์สีดำคันหนึ่ง
A cat has four legs. แมวมีสี่ขา
Dogs have two eyes. หมาทั้งหลายมีสองตา

ประโยคบอกเล่า

  • ประโยคบอกเล่าจะเป็นโครงสร้างธรรมดา คือ ประธาน + have, has + นาม (ประโยคบอกเล่าไม่นิยมย่อรูป)

โครงสร้าง

He, She, It, A cat
has
a car.
I,You, We, They, Cats
have
a car.

 

ประโยคปฏิเสธ

  •  โครงสร้างปฏิเสธ ให้เอา do not กับ does not  มาใช้ครับ และคำว่า has ต้องกลับร่างเป็น have ดังเดิม เพราะคำว่า does มี  s อยู่แล้ว have ก็ไม่ต้องเติม s อีก
He, She, It, A cat
does not
have
a car.
I, You, We, They, Cats
do not
have
a car.

การย่อรูป

do not  =  don’t
does not = doesn’t

ประโยคคำถาม  Yes / No Question

การทำประโยคคำถามให้เอา Do , Does  มาวางไว้หน้าประโยค ส่วนคำว่า has ก็เปลี่ยนเป็น have และอย่าลืมเติมเครื่องหมายคำถามท้ายประโยคด้วยนะครับ

ประโยคคำถามแบ่งออกเป็นสองประเด็นคือ ถามในรูปแบบบอกเล่า และถามรูปแบบปฏิเสธ

1. การถามในรูปแบบบอกเล่า

Does
he, she, it, a cat
have
a car?
Do
I, you, we, they, cats
have
a car?

เช่น

  • Do I have a car? ผมมีรถยนต์ใช่ไหม
    Yes, you do./ No, you don’t. ใช่ / ไม่ใช่
  • Does he have a cat? เขามีแมวใช่ไหม
    Yes, he does.  No, he doesn’t.ใช่ / ไม่ใช่

อ้างอิง https://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com/

แบบฝึกหัดเช็คชื่อ >>> https://www.topworksheets.com/custom/207c9a05-6dcc-4d96-ac70-4c414ccba9ea